วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week 9 : อย่าตัดสินคนจากภายนอก






               สวัสดีค่า !!! ดูวีดิโอนี้แล้วเป็นไงบ้างคะ หลายๆคนก็คนน้ำลายไหลกันเป็นสายน้ำไหลเชี่ยวเลยน้า อิอิอิ ทุกคนน่าจะเคยเห็นวีดิโอแนวนี้กันมาสักพักแล้วเนอะ และคงทราบกันดีว่า มันคือ.... คือ........ #Don't Judge Challenge นั้นเอง   อ้าวผมแปลไม่ออกพี่ อ้ะๆเดี๋ยวพี่จะบอกให้นะ   


               #Don't Judge Challenge  ที่เราเห็นๆกัน คือ วีดิโอที่วัยรุ่นฝั่งตะวันตกทำขึ้นมาโดยตอนแรกหน้าจะเป็นสิว เป็นหน้าด่างดำๆ โดยใช้เครื่องสำอางค์ในการทำให้หน้าเละเทะตุ้มเป๊ะไปหมด ซึ่งดูแล้วไม่คิดว่าตอนหลังจะล้างหน้าออกมาได้สวย หล่อ ขนาดนี้!!! ซึ่งวีดิโอในลักษณะแบบนี้ มีที่มาจากคลิปอันนี้ 





ทำโดยบล๊อคเกอร์ความงามชาวต่างชาติ เขาอัดคลิปประมาณว่าตอนหน้าสดๆไม่มีเมคอัพ หน้าเธอสิวเขรอะเต็มไปหมด แล้วก็มีประโยคคำพูดที่สื่อว่าคนที่เห็นหน้าของเธอตอนสิวเขรอะต่างวิจารณ์เธอว่าหน้าตาน่าเกลียด เธอก็เลยแต่งหน้าออกมาจนสวยเช้ง แน่นอนว่าเสียงวิจารณ์ภายนอกที่เคยด่าเธอว่าน่าเกลียด กลับกลายเป็นคำชมที่บอกว่าเธอสวยจัง บล๊อคเกอร์ความงามคนนี้ก็ตั้งคำถามว่า สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วงั้นหรือ สุดท้ายแล้วสิ่งที่คนชื่นชมว่างดงามไม่ใช่ตัวตนของเธอ แต่เป็นการประทินผิวที่เธอบรรจงทำเป็นชั่วโมงต่างหาก แล้ววันรุ่งขึ้นถ้าเธอตื่นขึ้นมาล้างหน้าไม่มีเมคอัพมีแต่หนังหน้าสดๆ คนจะยังชื่นชมว่าเธอสวยอีกมั้ย ตอนท้ายคลิป บล๊อคเกอร์คนนี้ก็ปาดเอาเครื่องสำอางของตัวเองออกจนหมด เหลือแต่หน้าที่ปราศจากการแต่งหน้า เพื่อสื่อว่า ความงามของคนเกิดจากภายใน ไม่ได้เกิดจากเครื่องสำอางหรือความงามภายนอกใดๆทั้งสิ้น (ความคิดเห็นหนึ่งจากสมาชิกในพันทิป) 




และจากกระทู้พันทิปหนึ่ง #Don't Judge Challenge นี้ ต้องการสื่อว่า "คนเรามักจะคิดว่าคุณค่าของตัวเรานั้น มาจากคนอื่นๆที่คอยตัดสินเรา ว่าเราดูดี ดูหล่อ ดูสวย ดูเพอร์เฟ็คแต่ว่าจริงๆแล้วการเห็นคุณค่าของตนเองเนี่ย มันมาจากความมั่นใจในตัวเองที่เรามีให้ภูมิใจ มั่นใจในตัวเอง และมีความสุขกับตัวตนที่ตัวเองเป็นโดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงว่ารูปร่างหน้าตาของเราจะเป็นอย่างไรเพราะคนทุกคน ดูดี สวย หล่อ ในแบบที่ตัวเองเป็นกันอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาตัดสินว่าเราสวยหรือขี้เหล่" 


                         ที่พูดถึงเรื่องกระแสนี้ ก็เพื่อจะสื่อว่า don't judge a book by its cover อย่าตัดสินคนจากภายนอกค่ะ เพราะสิ่งที่เราเห็นเพียงเปลือกนอกไม่สามารถบ่งบอกถึงจิตใจคนได้ เราควรจะเปิดตาและมองเขาในหลายๆด้าน ก่อนที่จะตัดสินใครค่ะ 

                         มีอยู่ช่วงหนึ่งค่ะ ที่วาไรตี้เห็นในหน้า Feed ของ Facebook ซึ่งสื่อให้เราเห็นว่า อย่าตัดสินคนจากภายนอกจริงๆค่ะ 




































                     วันนี้มีแต่ข้อคิดดีๆเต็มเบย วาไรตี้ลาไปก่อน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ Bye~












ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก:
1.https://www.youtube.com/watch?v=M7-o_zpa1dI
2.http://pantip.com/topic/33912065
3.http://www.yahwawah.com/%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%86%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5/







วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week 8 : Review / แนะนำ การใช้งานโปรแกรม / Application >>>>>> Google Maps









                   

                    กลับมาพบกับวาไรตี้เช่นเคยนะคะ  หลายคนอาจจะงงกับชื่อของ             บล๊อกเกอร์เนอะ  ตัวบล๊อกเกอร์เองก็งงค่ะ555555555  เอาเป็นว่ายังไงก็เป็นคนๆเดียวกันหมดเลยนะ  เข้าเรื่องกันดีกว่าค่า  วันนี้วาไรตี้จะมานำเสนอ  Application  ดีๆ  ที่สามารถดาวน์โหลดไปติดตั้งได้ฟรี ๆ บนโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตทั้ง iOS (iPhone, iPad, iPod) และระบบปฏิบัติการ Android                    ทุกรุ่นทุกยี่ห้อค่ะ  หรือเข้าเว็บไซต์นี้ค่ะ  https://maps.google.com  
ไปทำความรู้จักกับ Google maps ให้มากขึ้นกันดีกว่านะ  วาไรตี้ก็คิดนะว่าทุกคนคงรู้จักมันอยู่แล้ว แต่ก็ไปดูกันหน่อย อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่รู้ก็ได้นะ
                   



                    Google Maps คือบริการของ Google ที่ให้บริการ เทคโนโลยีด้านแผนที่ประสิทธิภาพสูงค่ะ  ซึ่งใช้งานง่าย และ ให้ข้อมูลของธุรกิจในท้องถิ่น ได้แก่ ที่ตั้งของธุรกิจ         รายละเอียดการติดต่อ และเส้นทางการขับขี่ โดย บริการแผนที่นี้เริ่มต้นให้บริการตั้งแต่กลางปี         ค.ศ. 2005 เป็นบริการฟรี จัดให้แก่ ผู้ใช้ทั่วโลกส่วนประกอบ ที่สำคัญที่ดึงดูดผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก คือแผนที่และ ภาพถ่ายดาวเทียมคุณภาพดี ซึ่งครองคลุมพื้นผิวโลก ในมาตราส่วนต่างๆ ตามความเหมาะสม


                   อยากได้ Google Maps ติดสมาร์ทโฟนไว้ ต้องทำยังไง? โหลดก่อนเลยยยย แต่ส่วนมากซื้อมาก็ติดมาให้เลยนะ 555555 บางคนอาจจะไม่มีก็ได้ อ้ะๆ โหลดก่อน ก็เข้าไปโหลดกันใน App store สำหรับคนที่ใช้ระบบ ios  หรือ สำหรับคนที่ใช้ระบบ Android ก็ไปที่ Play store ค่ะ  ตัววาไรตี้เองใช้ Android ค่ะ  ไปดูกันว่าวาไรตี้ทำยังไงถึงได้ Google Maps มา



อย่างแรกเลย คือ ไปที่ Play Store แล้วเข้าไปเล๊ยยย


 
แล้วก็จะได้แบบนี้ค่า  พอได้แบบนี้ก็พิมพ์คำว่า Google maps ลงไปค่ะ

                
แล้วก็จะเป็นที่เห็นแบบนี้ค่า  ให้กดไปที่ Maps อันแรกเลยค่า นั้นแหละค่ะ Google Maps

                        
สำหรับวาไรตี้ได้โหลดไว้อยู่แล้วค่ะ เพื่อนๆคนไหนยังไม่มีไว้ติดตัวก็กดคำว่า " INSTALL " นะคะ

                  


หลังจากโหลดมา และเปิดจะได้แบบนี้ค่ะ

คราวนี้เราไปดูประโยชน์และวิธีการใช้ของเจ้าตัวนี้กันค่ะ

  • Google Maps สามารถนำทางเราได้แล้วค่ะ โดยมีสมาชิกท่านหนึ่งหนึ่งในพันทิป มารีวิวให้ดูค่ะ กระทู้นี้เลย เข้าไปดูกันนะ มีวีดิโอแนะนำการใช้งาน เรียกได้ว่าครบทุกกระบวนการเลยก็ว่าได้



  • รู้หรือไม่ ? Google Maps สะกดรอยตามคุณทุกที่ที่คุณเดินไป โดยที่คุณไม่รู้ตัว วีดิโอนี้จะบอกเพื่อนๆทุกคนเองค่ะ  พร้อมทั้งวิธีป้องกันค่ะ


  • วิธีการใช้ Google maps ค่ะ 


                       
                        วันนี้เพื่อนๆก็ได้วิธีการใช้ Google Maps  กันไปแล้ว วาไรตี้หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนนะคะ ตัววาไรตี้เองก็พึ่งรู้ว่า Google Maps เนี่ย สะกดรอยตามเราได้ โอ้โห เป็น Application ที่สุดยอดจริงๆค่ะ  โหลดกันเยอะๆนะคะ 







ฮั่นน่อว!!! หล่ออ้ะดิ้ ... ไปแล้วนะ บ๊ายบายยยย 












ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก:
1.http://pantip.com/topic/30710544
2.http://www.it24hrs.com/2014/google-location-history/
3.https://www.youtube.com/watch?v=i46Lxe-g8_M
4.https://www.youtube.com/watch?t=125&v=foCTfHGgfJ8
และขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก:
1.http://netvantagemarketing.com/blog/wp-content/uploads/2014/01/Google-Maps.jpg
2.http://33.media.tumblr.com/c350b8981d5ad667d4bff5c4bd8564d3/tumblr_nfuqesf3qP1s392ayo5_250.gif


วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week 7 : คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


               Bello ! สวัสดีค่า วันนี้จะพาไปทำความเข้าใจกับคอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์กันนะคะ







                            วราคิดว่าทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าคอมพิวเตอร์เป็นอย่างไร และคืออะไร แต่อาจจะไม่รู้อย่างละเอียดก็ได้นะคะ ไปดูกันหน่อยดีกว่าเนอะ :)






               คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electronics device) ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูล ที่อาจเป็นได้ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ โดยคุณสมบัติที่สำคัญของคอมพิวเตอร์คือการที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งล่วงหน้าหรือโปรแกรมได้ (programmable) นั่นคือคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับชุดคำสั่งที่เลือกมาใช้งาน ทำให้สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น ใช้ในการตรวจคลื่นความถี่ของหัวใจ การฝาก - ถอนเงินในธนาคาร การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ เป็นต้น ข้อดีของคอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพ มีความถูกต้อง และมีความรวดเร็ว


               อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นงานชนิดใดก็ตาม เครื่องคอมพิวเตอร์จะมีวงจรการทำงานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คือ
  1. รับข้อมูล (Input) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล (input unit) เช่น คีบอร์ด หรือ เมาส์
  2. ประมวลผล (Processing) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลกับข้อมูล เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปอื่นตามที่ต้องการ
  3. แสดงผล (Output) เครื่องคอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit) เช่น เครื่องพิมพ์ หรือจอภาพ
  4. เก็บข้อมูล (Storage) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ในอนาคต







                             
                          
  เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ การนำเอาเครื่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องมาเชื่อมโยงให้มีการสื่อสารข้อมูลระหว่างกัน การเชื่อมโยงเครือข่ายต้องอาศัยตัวกลางหรือสายเชื่อมโยง เช่น สายสัญญาณ เส้นใยนำแสง ดาวเทียม
                       
                           เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องมาเชื่อมต่อกัน   เพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้ 
   - เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติต่อสื่อสารกัน 
   - เพื่อให้ใช้ทรัพยากรร่วมกัน 
   - เพื่อใช้ข้อมูลหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน

                            ประเภทของระบบเครือข่าย แบ่งตามลักษณะการติดตั้งทางภูมิศาสตร์แบ่งได้เป็น 4 ประเภท




   1. เครือข่ายท้องถิ่น ( Local Area Network : LAN ) เป็นเครือข่ายระยะใกล้ ใช้บริเวณเฉพาะที่เช่นภายในอาคารเดียวกัน หรือภายในบริเวณเดียวกัน ระบบแลนจะช่วยให้มีการติดต่อกันได้สะดวก ช่วยลดต้นทุน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ร่วมกัน และใช้ข้อมูลร่วมกันได้อย่างคุ้มค่า





  2. เครือข่ายระดับเมือง ( Metropolitan Area Network : MAN ) เป็นเครือข่ายขนาดกลางใช้ภายในเมืองหรือจังหวัด หรือเป็นกลุ่มของเครือข่าย LAN ที่นำมาเชื่อมต่อกันเป็นวงที่ใหญ่ขึ้นภายในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้งานให้ครอบคลุมเมืองทั้งเมือง ซึ่งอาจเป็นเครือข่ายเดียวกัน
เช่น เครือข่ายเคเบิลทีวี หรืออาจเป็นการรวมเครือข่ายกันของเครือข่าย LAN หลาย ๆ เครือข่ายเข้าด้วยกัน   ตัวอย่างเช่น เคเบิลทีวี



                             
3. เครือข่ายระดับประเทศ ( Wide Area Network : WAN ) เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ ติดตั้งใช้งานบริเวณกว้างมีสถานีหรือจุดเชื่อมมากมาย และใช้สื่อกลางหลายชนิด ตัวอย่างเช่น ไมโครเวฟ ดาวเทียม


4. เครือข่ายระหว่างประเทศ ( International Network ) เป็นเครือข่ายที่ใช้ติดต่อระหว่างประเทศ โดยใช้สายเคเบิล หรือดาวเทียม

รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย มี 4 แบบค่ะ คือ
  1. เครือข่ายแบบบัส (bus topology)
  2. เครือข่ายแบบวงแหวน (ring topology)
  3. เครือข่ายแบบดาว (star topology)
  4. เครือข่ายแบบเแมช (mesh topology)

          วราได้นำเอาวีดิโอที่สั้น กระชับ เข้าใจง่ายมาให้เพื่อนๆ ดูกันนะคะ  (ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ janjira sirirak : https://www.youtube.com/watch?v=_UdZczIJeuI)

                          
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ  เจอกันใหม่ week 8 นะ  See you next time! 





ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก






วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Week6 : วิเคราะห์ข้อสอบ O-NET วิชาคอมพิวเตอร์ 5 ข้อ




              Hello!!! วันนี้วราจะพาเพื่อนๆวิเคราะห์ข้อสอบ O-NET วิชาคอมพิวเตอร์กันค่า เอาไว้เตรียมตัวสอบกันปีหน้านะสำหรับเด็ก ม.6 ทั้งหลาย ไปดูๆกันเล๊ยย...




ข้อสอบ O-NET วิชาคอมพิวเตอร์ ปีการศึกษา 2552
22. ขอใดเปนจํานวนเลขฐานสองซึ่งมีคาเทากับ 108 (ซึ่งเปนเลขฐานสิบ) 
          1. 00100100 
          2. 01101100 
          3. 10100000 
          4. 01101111

มาวิเคราะห์กันนะคะ ข้อ 2 01101100 = 108 
                            ข้อ 1 00100100 = 36 
                            ข้อ 3 10100000 = 160 
                            ข้อ 4 01101111 = 111
เพราะฉะนั้นจึงตอบข้อ 2 ค่า



 24. ขอใดตอไปนี้ไมใชระบบปฏิบัติการคอมพวเตอร์ 
          1. Microsoft Windows 
          2. Ubuntu 
          3. Symbian 
          4. MAC Address 

มาวิเคราะห์กันนะคะ ข้อ 4 MAC Address ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ 
                            ข้อ 1 Microsoft Windows เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง 
                            ข้อ 2 Ubuntu เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ในตระกูล Linux 
                            ข้อ 3 Symbian เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือ Smart Phone 
เพราะฉะนั้นจึงตอบข้อ 4 ค่า



25. รูปนี้เปนหัวเชื่อมตอประเภทใด และใชสําหรับงานประเภทใด 





          1. VGA ใชตอคอมพิวเตอรเขากับจอแสดงผล 
          2. DVI ใชตอคอมพิวเตอรเขากับจอแสดงผล 
          3. USB ใชตอคอมพิวเตอรเขากับอุปกรณเสริม 
          4. FireWire ใชต อคอมพิวเตอรเขากับอุปกรณเสริม

มาวิเคราะห์กันนะคะ ข้อ 1 ในรูปเป็นหัวต่อแบบ VGA 
                            ข้อ 2 ในรูปไม่ใช่หัวต่อแบบ DVI 
                            ข้อ 3 ในรูปไม่ใช่หัวต่อแบบ USB 
                            ข้อ 4 ในรูปไม่ใช่หัวต่อแบบ FireWire
เพราะฉะนั้นจึงตอบข้อ 1 ค่า


ขอมูลนี้ใชตอบคำถามขอ 26 






26.การต่อหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ข้ากับคอมพิวเตอร์นั้ ต้อง
     ต่ออุปกรใด ข้ากับส่วนไนของ  Main board
1.     2 + 3  → 10                                                   
2.     2 + 4 → 8
3.      8                                                           
4.     3 10

มาวิเคราะห์กันนะคะ ข้อ 2 การต่อหน่วยประมวลผลกลาง ให้นำหน่วยประมวลผลกลาง (รูปเบอร์ 2) ไป ต่อกับพัดลมระบายความร้อน (เบอร์ 4) แล้วนำไปเสียบกับช่อง Socket บน Mainboard (เบอร์ 8)   
ข้อ 1 หน่วยประมวลผลกลางต่อเข้ากับสาย IDE (เบอร์ 3) ไม่ได้                             
ข้อ 3 ไม่ได้ต่อหน่วยประมวลผลกลาง                            
ข้อ 4 เป็นการต่อสาย IDE (เบอร์ 3) เข้ากับช่องต่อสาย IDE บน Mainboard (เบอร์ 10)
        เพราะฉะนั้นจึงตอบข้อ 2 ค่า




ข้อสอบ O-NET วิชาคอมพิวเตอร์ ปีการศึกษา 2553

1.ข้อใดไม่ใช่ระบบปฏิบัติการที่นำมาใช้บนอุปกรณ์พกพา
ประเภท  Smartphone

1.  Ubumtu       

2.  Iphone  os
3.  Android      

4.  Symbianมาวิเคราะห์กันนะคะ ข้อ 1 Ubuntu คือกลุ่มของคนที่พัฒนาระบบปฏิบัติการ เพื่อให้สามารถนำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งที่เป็นเครื่องแบบผู้ใช้งานทั่วไป (Client) หรือแบบเครื่องแม่ข่าย (Server)
ข้อ 2 iPhone OS เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนของบริษัทแอปเปิล 
ข้อ 3 Android เป็นระบบปฏิบัติการที่มีพื้นฐานอยู่บนลินุกซ์ ในอดีตถูกออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้จอสัมผัสเช่นสมาร์ทโฟน ปัจจุบันได้แพร่ไปยังอุปกรณ์หลายชนิด เช่น Nikon S800C กล้องดิจิตอลระบบแอนดรอยด์
ข้อ 4 Symbian คือ ระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่  
เพราะฉะนั้นจึงตอบข้อ 1 ค่า


                   หวังว่าจะช่วยทบทวนความรู้ที่เพื่อนๆเคยได้เรียน และเป็นแนวข้อสอบนะคะ ไปแล้วนะ บ๊ายบายยย














ขอขอบคุณข้อมูลจาก
และรูปภาพสวยๆจาก